ผู้เขียน หัวข้อ: ลองมารู้จักพระเก่งเมืองชัยนาทอีกท่านหนึ่งครับ..หลวงพ่อแปลก?  (อ่าน 5029 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Adk System Advertising

ออฟไลน์ จ่าเจ๋ง ศรีชัยนาท

  • Full Member
  • ***
  • ขอบคุณ
  • -ให้: 427
  • -รับ: 742
  • กระทู้: 807
  • พลังน้ำใจ 774
    • ศรีชัยนาท
หลายๆท่านอาจจะไม่เคยได้ยินหรือว่าไม่รู้จักเลยก็ว่าได้ว่าท่านเป็นเช่นไร ผมเองก็เช่นกันเพิ่งเคยรู้จักเป็นครั้งแรกตอนไปเปิดเว๊ปพระ และโทรไปขออนุญาติท่านเจ้าของเดิมมา ท่านก็ใจดีอนุญาติให้ผมนำมาเผยแพร่เพื่อให้เราๆท่านๆได้รับทราบกันว่า พระชัยนาทบ้านเรายังมีดีๆเก่งๆอีกเยอะครับ...


รูปถ่ายหลวงพ่อแปลก เป็นภาพขนาดบูชา ถ่ายเมื่อครั้งท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธารามแล้ว รูปนี้ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พศ.๒๕๐๓

แต่รูปนี้ถูกดัดแปลงข้อความด้านล่าง บันทึกการมรณะภาพของท่าน ในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม พศ.๒๕๑๙ อายุ๘๗ปี และนำมาใช้ในงานศพของท่านที่วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา โดยมีเจ้าคุณบัว(หลวงตาบัว)เจ้าอาวาสวัดหลวงสิริบูรณาราม อำเภอสรรพยา ในขณะนั้นเป็นประธานในพิธี

หลวงพ่อแปลก นามเดิม นายแปลก นามสกุลพินิจจันทร์ เกิดเมื่อ พศ.๒๔๓๒ บ้านท้องคุ้ง หมู่๔ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท มีพี่น้องร่วมอุทร ๒ คน ๑.นายแปลก พินิจจันทร์ ๒.นางนิด พินิจจันทร์

นายแปลกเมื่อถือกำเนิดมา มีใบหูขวาเป็นติ่งเล็กๆ ไม่มีรูหู ส่วนใบหูข้างซ้ายสมบูรณ์ทุกประการ และไม่มีปัญหาในการรับฟังแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้เองจึงมีชื่อว่าแปลก และใช้เป็นชื่อจริง ตราบเท่าอายุขัยของท่าน

นายแปลกสมรส กับนางแช่ม เดชอยู่(นามสกุลเดิม นางแช่ม เกิด พศ.๒๔๓๘ เสียชีวิตลงเมื่อปี พศ.๒๕๒๖ อายุ๘๘ ปี) มีบุตรธิดา ๑๐ คน ชาย๔ คน หญิง๖ คน ๑.นางประทุม ๒.นายปรุง ๓.นายเปล่ง ๔.นางฉลวย ๕.นางฉลุย ๖.นายแปลง ๗.นายโปร่ง ๘.นางแฉล้ม ๙.นางบัวขาว ๑๐.นางส้มลิ้ม

เรื่องราวประวัติของหลวงพ่อแปลก นายปลั่ง(เล็ก) มิ่งขวัญ อดีตผู้ใหญ่บ้านหัวแหลม(โพธิ์เตี้ย)ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นลูกเขย ได้รับการบอกเ่ล่าจากนางแช่ม พินิจจันทร์ แม่ยาย

นายปลั่ง มิ่งขวัญ สมรสกับ ส้มลิ้ม พินิจจันทร์(นามสกุลเดิม)เมื่อ พศ.๒๕๐๓ ส้มลิ้มเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนายแปลก และนางแช่ม พินิจจันทร์ นายปลั่งเกิดเมื่อ พศ.๒๔๗๙(ปัจจุบัน พศ.๒๕๕๕ อายุ๗๖ ปี และส้มลิ้ม(ภรรยา)เกิด พศ.๒๔๘๐ เสียชีวิตเมื่อ พศ.๒๕๔๘

นายแปลกไปบวชเป็นพระภิกษุครั้งที่๒ ที่อำเภอสรรคบุรีแล้ว ตั้งแต่ส้มลิ้มยังเยาว์วัย หลังจากนายปลั่งแต่งงานกับ ส้มลิ้ม เมื่อ พศ.๒๕๐๓ นายปลั่งจึงต้องดูแลทั้ง นางแช่ม และนางส้มลิ้ม และในหนึ่งรอบปี นายปลั่ง ต้องเป็นตัวแทนนางแช่ม ไปเยี่ยมเยือนหลวงพ่อแปลกที่อำเภอสรรคบุรี ด้วยเหตุนี้เองนายปลั่ง จึงได้ทราบประวัติของหลวงพ่อแปลกไว้มากพอสมควร

ตามคำบอกเล่าของนางแช่ม นายแปลกเมื่อครั้งยังครองเรือน ทำอาชืพเกษตร(นาข้าว)ขึ้นตาล(ทำน้ำตาลโตนด)มีที่นา ๑๐๐กว่า ไร่ ตำบลสรรพยาติดกับบ้านห้วยกรด(อำเภอสรรคบุรี)มีต้นตาลโตนดมากในยุคนั้น

หลังจากมีการจัดรูปที่ดิิน ระหว่างประมาณปี พศ.๒๕๑๘-๒๕๒๐ ต้นตาลโตนดถูกทำลายไปเยอะมากทั้งๆ ที่เป็นต้นไม้เศรษฐกิจของชาวบ้านทั้งสรรพยาและห้วยกรด ใช้ทำทั้งน้ำตาลก้อน น้ำตาลสด ไอ้เป้

ไอ้เป้ เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง ภูมิปัญญาชาวบ้าน แม้แต่กรมหลวงชุมพร เสด็จมาวัดมะขามเฒ่าเพื่อเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข และพักค้างแรมหลายวัน ยังต้องให้คนใกล้ชิดจัดหาถวาย ผมนายบาแดงดื่มแลัวยังติดใจ แช่ตู้เย็นแล้วสุดยอด

แค่ความคิดจัดรูปที่ดินในยุคนั้น ต้องแปลงเกรดตัดต้นตาลทุกต้นที่ขวางหน้า ไม่อย่างนั้นจัดรูปที่ดินไม่ได้มันเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงระดับจักวาฬ ความคิดสุดยอดของการจัดรูปที่ดินใน พศ.นั้น คิดได้ยังไงวะ

คนไทยแท้บ้านนอกจนๆมันสมองดีๆทำอะไร ผู้มีอำนาจทุกยุคทุกสมัย สมคบคิดร่วมกับนายทุนมันกีดกันด้วยกฎหมายทางภาษี ถ้่าผู้มีอำนาจมันคิดช่วยเหลือส่งเสริม คนไทยแท้และจนหัวสมองดี ป่านนี้คงมี ไอ้เป้ เดอ chai nat แข่งขันกับชาติอื่นเขาไปแล้ว

เวลา ณ ป่านฉะนี้ ปืนเถื่อน บ้านหนองอีเติ่ง จังหวัดอุทัยธานีอีกภูมิปัญญาความสามารถหนึ่ง คงพัฒนามาอีกไกลโขไม่แพ้ต่างชาติ ถูกสกัดดาวรุ่งให้เหลือ แค่มีดพกเขากวาง กรรไกรตัดต้นไม้ ยอดไม้ ถ้าบ้านหนองอีเติ่งไม่โดนสกัดดาวรุ่ง อบจ จังหวัดอุทัยธานี คงมีงบประมาณป้องกันน้ำท่วม แบบไม่ให้ท่วมทั้งจังหวัด แถมเหลือส่งไปให้ส่วนกลางได้อีกด้วย ถุย!ชีวิตคนไทยแท้สมองดีแต่ยากจน นายบาแดงนอกเรื่องไปไกล ขอกลับเข้ามา

นางแช่มเล่าต่อว่า นายแปลก ทำนาข้าว ทำน้ำตาล แต่ไม่ทอดแหหาปลา บักเบ็ด ดักลอบ ไม่ชอบเบียดเบียนสัตว์ใหญ่น้อย ทำให้นางแช่มต้องออกหาเอง นายแปลก เป็นคนใจดี อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ชอบพูดให้ร้ายใคร

จากคำบอกเล่าของนางแช่ม นายปลั่งยืนยันว่า คุณพ่อแปลกเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเพื่องแน่นอน นางแช่มเล่าต่อไปว่า นายแปลกเมื่อเสร็จภาระกิจจากการทำนา ขึ้นตาล ชอบไปอยู่รับใช้หลวงพ่อเฟื่อง ที่วัดสรรพยา(วังหิน)เป็นประจำ วัดมีงาน จะช่วยเหลือตลอด รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อเฟื่อง จนมีความรู้ความสามารถในการเขียนอักขระเลขยันต์ บางครั้งหลวงพ่อเฟื่องยังให้ช่วยเขียนเสื้อยันต์ จารอักขระยันต์ลงตะกรุด

หลวงพ่อเฟื่อง วัดสรรพยา(วังหิน)มรณะภาพเมื่อ พศ.๒๔๗๖ หลวงพ่อแปลก ท่านเกิด พศ.๒๔๓๒ เป็นศิษย์หลวงพ่อเเฟื่องได้หรือไม่ท่านผู้นับถือสนใจหลวงพ่อแปลก โปรดพิจารณา

เหตุที่หลวงพ่อแปลกไปบวช ตามประเพณีของชายชาวไทย เมื่อครบอายุ ๒๐ปี ก็ต้องอุปสมบทเป็นพระ เช่นเดียวกัน นายแปลก ก็เข้ารับการอุปสมบทตามประเพณีไทย มาแล้ว ๑ พรรษา จากนั้นก็สึกออกมาครองเรือน ทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัว นายแปลกเป็นผู้มีฐานะ มีที่นา ๑๐๐กว่าไร่ เมื่อไปบวชเป็นครั้งที่๒ ลูกทั้ง ๑๐คน ได้รับแบ่งที่นา คนละ๑๐ไร่ นายแปลกได้ดูแล ครอบครัวและลูกๆ ทุกคนได้เป็นอย่างดี

การบวชครั้งที่๒ ของหลวงพ่อแปลก นางแช่ม เล่าให้นายปลั่ง(ลูกเขย)ความว่า นายแปลกไปบวชครั้งที่๒ ในช่วงที่ ส้มลิ้ม บุตรสาวคนสุดท้อง กำลังจะโกนจุกในปีนั้นพอดี ถ้านับตามประเพณีการโกนจุกที่นิยมในยุคนั้น ส้มลิ้ม จะมีอายุได้๗ ขวบ(หลวงพ่อแปลก เกิด พศ.๒๔๓๒ ส้มลิ้ม เกิด พศ.๒๔๘๐) การโกนจุก ของส้มลิ้ม จะตรงกับ พศ.๒๔๘๗ แสดงว่าหลวงพ่อแปลก บวชครั้งที่๒ เมื่ออายุ๕๕ ปี โดยประมาณ

สาเหตุการไปบวชครั้งที่๒ นี้ นางแช่มเล่าว่า ก่อนจะไปบวชเคยปรารถ กันนางแช่มว่าลูกๆก็โตหมดแล้ว(แต่ไม่ได้บอกว่าอยากบวชพระ)หลังจากนั้น มาวันหนึ่ง นายแปลกก็บอกกับนางแช่ม ซึ่งเป็นภรรยา ว่า จะไปงานบวชนาค ที่วัดสังฆาราม ที่อำเภอสรรคบุรี นายแปลกหายไปหลายวัน มีคนมาส่งข่าวนางแช่ม ว่านายแปลกบวชพระ ตามพ่อนาคที่ไปช่วยงานบวชที่วัดสังฆารามไปแล้ว

นายแปลกไปบวชพระครั้งนี้ นางแช่มเล่าว่าไม่มีปัญหาครอบครัวอย่างใดทั้งสิ้น และหลวงพ่อแปลกเมื่อบวชเป็นพระแล้วก็ไม่เคยมาวุ่นวายหรือรบกวนกับครอบครัว ในเรื่องใดๆทั้งสิ้น หลวงพ่อแปลกเมื่อบวชแล้ว ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆาราม ช่วงนี้ท่านคงได้พบปะสนทนา ศึกษาหาความรู้จากหลวงพ่อปลื้มด้วย และท่านก็ได้ช่วยเหลือหลวงพ่อปลื้ม ในการทำวัตมงคลบางอย่าง ตามพื้นฐานภูมิรู้ที่ท่านได้รับมาจากหลวงพ่อเฟื่อง เรื่องนี้นายปลั่ง(ลูกเขย)ได้รับการบอกเล่าจากหลวงพ่อแปลกโดยตรง

หลวงพ่อแปลกท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆาราม อยู่ระยะหนึ่ง ก็ได้รับการชักชวน จากหลวงตาม่อม พระลูกวัดโพธาราม อำเภอสรรคบุรี เป็นพระที่รู้จักกันชวนไปอยู่ด้วย หลวงพ่อแปลก ท่านก็เป็นพระลูกวัดเช่นกัน จึงย้ายวัดมาจำพรรษาอยูที่วัดโพธาราม แต่ก็ยังไป-มา ระหว่างวัดสังฆารามและวัดโพธาราม(ตามคำบอกเล่าของนายปลั่ง)

หลวงพ่อแปลกท่านเป็นพระทองคำ เก่งในวิชาอาคมมาตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส แม้จะบวชเมื่ออายุมาก แต่หลวงพ่อแปลก สมถะ เรียบง่าย ถ่อมตน ไม่โอ้อวด ยกตนข่มท่าน ใจดี ชอบช่วยเหลือ มีอภินิหาร วาจาสิทธิ์ อันเกิดจาก การปฎิบัติ สะสมบำเพ็ญเพียรบารมีของท่าน หลวงพ่อแปลกท่านจะไม่ใช้วิชาอาคมที่ท่านมีอยู่ไปในทางสร้างเวรกรรม แลดูว่าท่านเป็นพระทางเมตตา แต่แท้จริงท่านครบเครื่อง(นายบาแดง ประเมินว่าในการบวชครั้งที่๒ นี้ หลวงพ่อแปลกท่านออกจากการครองเรือนลดความสำคัญในความเป็นตัวตนลง เป็นธรรมะที่ทำให้จิตใจเบาสบายไม่ติดยึดสิ่งใด)

นายปลั่ง มิ่งขวัญ และคุณประทีป แร่จั่น เล่าตรงกันว่า หลวงพ่อแปลกท่านไม่ฉีกซองปัจจัยที่คนนำมาถวาย ไม่จับธนบัตร

ตั้งแต่ท่านมาจำพรรษา อยู่วัดโพธาราม มีผู้คนนับถือท่าน ทั้งใกล้และไกล ด้วยความที่ท่านเป็นพระลูกวัด ท่านก็สงเคราะห์ผู้คนที่มาหาท่านด้วยการเป่ากระหม่อม ท่านไม่ใช่พระหมอน้ำมนต์ สักยันต์ หมอยา หมอทำนายทายทัก เป็นข้อมูลยืนยันจากนายปลั่ง มิ่งขวัญ อาจจะสงเคราะห์ ให้บ้างตามแต่ท่านเห็นสมควร บางครั้งบางรายที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ทักทำนายและเป็นไปตามนั้น จึงเป็นที่มาของวาจาสิทธิ์

ส่วนใหญ่หลวงพ่อแปลกจะเป่ากระหม่อมให้เป็นหลัก และเริ่มจากการลงตะกรุด เขียนผ้ายันต์ให้ ทุกคนที่ขอ ต้องนำวัสดุมาเอง ท่านมีความชำนาญในการเขียนอักขระแลเลขยันต์ ตะกรุดและผ้ายันต์ทำให้แล้วถ้านานมากไม่มาเอา ท่านก็จะให้คนอื่นไป ไม่จดจำว่าเป็นของใครบ้าง คนขอต้องมาเฝ้าตามเอาเอง

ตะกรุดของท่าน ไม่เป็นเอกลักษณ์ มีทั้งทองแดง อลูมิเนียม หลอดยาสีฟัน ตามฐานะของผู้คนที่มาขอท่าน ไม่มีการทำเตรียมไว้แจก ใครมาขอและนำวัสดุมาก็จะทำให้ แล้วต้องมาติดตามให้ดี

รูปถ่ายขาวดำขนาดบูชา ที่นำมาให้ชมนี้ เป็นสมบัติของนายปลั่ง(เล็ก) มิ่งขวัญ นายปลั่งขอภาพนี้กับหลวงพ่อแปลกด้วยตนเอง บนกุฎิหลวงพ่อแปลก ที่วัดโพธาราม เมื่อคราวไปเยี่ยมท่าน และนำวัสดุ แผ่นทองคำแท้ เงินและนาค ให้หลวงพ่อแปลกลงตะกรุดสามกษัตริย์ให้ แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้ว และได้ดัดแปลงแก้ไขภาพถ่ายใบนี้ ใช้ในงานศพหลวงพ่อแปลก ที่วัดราษฎร์ อำเภอสรรพยา เมื่อ พศ.๒๕๑๙

นายปลั่งเล่าหลวงพ่อแปลกท่านแข็งแรงมาก ยังไม่เคยได้ยินข่าวว่าท่านเจ็บป่วยหนักประการใด ในรอบ๑ ปี หรือเมื่อมีโอกาสก็จะไปเยี่ยมท่าน ที่วัดโพธาราม อำเภอสรรคบุรี

หลวงพ่อแปลกอายุได้ประมาณ ๘๕ปี ญาติพี่น้องของท่าน รวมทั้งนายปลั่งมีความเห็นว่าต้องนำท่านกลับมาดูแล เพราะการบิณฑบาตร ท่านอาจจะไม่สะดวก จึงได้ไปนิมนต์ท่านกลับมาและให้จำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา ในปี พศ.๒๕๑๗

นายปลั่งเล่าต่อไปว่า ถึงแม้หลวงพ่อแปลกจะมีอายุมาก การลุกนั่ง เดิน ฉันอาหาร ยังช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นไปตามปกติ อาจจะเคลื่อนไหวช้าบ้างตามสภาพความเสื่อมของสังขาร ที่ชัดเจนก็คือท่านมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ไม่หลง ไม่มีโรคร้ายมาเบียดเบียน ตราบจนกระทั่งวันมรณะภาพ

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พศ.๒๕๑๙ หลังจากหลวงพ่อแปลก ท่านฉันเช้าแล้ว ประมาณช่วงสาย ท่านลงมาทำตัดหญ้า บริเวณกฎิของท่าน หลวงพ่อแปลกท่านเป็นลม และมรณะภาพด้วยอาการอันสงบ ณ วัดราษฏร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท

งานศพหลวงพ่อแปลก จัดขึ้น ณ วัดราษฎร์ โดยมีหลวงตาบัว วัดหลวงสิริบูรณาราม เจ้าคณะอำเภอสรรพยา ในขณะนั้น เป็นประธาน และได้ปรึกษากันระหว่างญาติของท่าน และลูกศิษย์ที่นับถือท่าน โดยมีกำหนดเก็บร่างของท่านไว้ ๑ปี โดยนำโลงที่ใส่ร่างของท่าน ไปฝังไว่ในป้าช้าของวัดราษฎร์ ที่อยู่ตรงข้ามกับวัด

จริงแล้วประมาณ ๙เดือน จากกรกฎาคม ๑๙-ถึง เมษายน ๒๐ ต่อไปนี้เป็นเรื่อง อจินไตย นายบาแดงขอให้ท่านผู้อ่านพิจารณา นายปลั่งเล่าว่า หลวงพ่อแปลกท่านมาเข้าฝัน ให้ไปนำท่านขึ้นมาเสียที ท่านรำคาญเสียง เสียงที่ว่านั้น คือในช่วงขณะนั้นมีการจัดรูปที่ดิน ใช้รถแทรกเตอร์ไถพื้นดิน และไถอยู่รอบๆศพของหลวงพ่อแปลก เพราะมีป้ายปักชือ่ของท่านไว้ ถ้าบาแดงจำไม่ผิด หลวงพ่อแปลกท่านมาเข้าฝัน นายปลั่ง ถึง๒ครั้ง เรื่องที่ให้นำร่างท่านขึ้นมา

นายปลั่งคิดว่า นำร่างหลวงพ่อแปลกขึ้นมาคราวนี้ ก็ควรจัดงานเผาร่างท่านให้เรียบร้อย จึงกำหนด วันขุดโลงที่บรรจุศพท่านขึ้นมา นายปลั่ง ตามคนมาช่วย๑ คน ชื่อนายรักษ์ เดชอยู่ ซึ่งเป็นญาติกัน มาช่วยในการทำศพ นายปลั่งเล่าต่อไปว่า ขุดร่างหลวงพ่อแปลก กันตั้งแต่เช้า

และก็ต้องพบกับความประหลาดใจ ศพของท่านอยู่ในสภาพเดิม มีปลายจมูกของท่านสีคล้ำนิดเดียว บาแดงถามซ้ำเรื่องสภาพศพหลวงพ่อแปลก นายปลั่งยังยืนยำคำพูด เรื่องการใช้ฟอร์มาลีนฉีดศพไม่ต้องพูดถึงไม่มี นายปลั่งยืนยันเช่นเดิม

เมื่อจับต้องร่างท่านเนื้อยังนิ่ม ตัวไม่แข็ง เปิดเปลือกตาสองข้างดู ตาขาวดำทั้งสองข้างอยู่ครบ และไม่แห้ง นายปลั่งคิดว่าศพของท่านน่าจะแห้งลงไปบ้าง ก็จะรูดหนังและเศษเนื้อออกไปบ้าง และตัดเอ็นตามข้อ เอาเฉพาะกระดูกใส่กระสอบที่เตรียมมา

ทั้งนายปลั่ง และคนที่ไปช่วย ต่างนั่งมองหน้ากัน (ยังมีต่อ)

www.sitluangporchua.com


ออฟไลน์ จ่าเจ๋ง ศรีชัยนาท

  • Full Member
  • ***
  • ขอบคุณ
  • -ให้: 427
  • -รับ: 742
  • กระทู้: 807
  • พลังน้ำใจ 774
    • ศรีชัยนาท
(ต่อประวัติหลวงพ่อแปลก) ทั้งนายปลั่งและนายรักษ์ ที่่ไปช่วยปลงศพ ต่างคิดเหมือนกันว่า ร่างหลวงพ่อแปลกท่านไม่เน่าย่อยสลาย เนื้อตัวก็ยังนิ่ม ดวงตาสองข้างเต็มอยู่ครบ ตามธรรมชาติของศพ ดวงตาจะย่อยสลายไปเป็นอันดับแรก นายบาแดงสัมภาษณ์นายปลั่งผู้เล่าให้ข้อมูล พิจารณาดูผู้เล่าแล้ว ท่านไม่ได้สนใจในเรื่องนอกเหนือธรรมชาติมากนัก ท่านก็คงนับถือหลวงพ่อแปลก และทำมาหากินดูแลลูกหลานตามปกติเช่นสามัญชนโดยทั่วไป ไม่ตื่นเต้น ได้เห็น ได้รู้ และเก็บไว้ในความทรงจำ

เวลาสายมากแล้ว แดดเริ่มแรง นายปลั่งต้องไปตามคนมาช่วยทำศพเพิ่ม อีก๑ คน ในสมัยก่อนเวลาทำศพ สดๆเขาต้องใช้มีดแร่เนื้อเผาทิ้งเสียก่อน แล้วรวมกระดูกมาทำพิธีเผาตามประเพณี หลวงพ่อแปลกก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ร่างของท่านไม่ย่อยสลาย ทั้งที่ใส่โลงฝังดินประมาณ ๑๐ เดือนขึ้นไป ถูกน้ำท่วมมิดพื้นดินที่ฝังร่างของท่านประมาณ ๑ เดือนกว่าๆ

นายปลั่งเล่าว่า ตามคนมาช่วยแร่ศพหลวงพ่อแปลก มีดปาดลงไปเลือดยังเป็นสีแดงไหลออกมา แยกกระดูกและเนื้อออกจากกัน นำเื้นื้อศพหลวงพ่อมาเผาไฟ ตั้งแต่กลางวันจนตะวันตกดิน เนื้อหลวงพ่อแปลกเผาไม่ไหม้ หมดฟืนไปเยอะ ไปนิมนต์พระที่วัดราษฎร์มาทำพิธี ก็ยังเผาไม่ไหม้ จนพลบค่ำ สุดท้าย ต้องนำเนื้อและกระดูกหลวงพ่อแปลกบางส่วน นำไปทิ้งลงในแม่น้ำเจ้าพระยา กระดูกบางส่วน นำไปประกอบพิธีเผาที่วัดมะปราง อำเภอสรรพยา เป็นพื้นที่ ที่ลูกชายคนโตท่านอาศัยอยู่ที่นั่น และนำกระดูกที่ประกอบพิธีเผาแล้วนำมาไว้ที่วัดสรรพยา

สุดท้ายนายบาแดงขอเสริมเป็นข้อสังเกตเป็นเรื่่องความเชื่่อท่านผู้อ่านต้องพิจารณา นายบาแดงเคยได้ยินคนรุ่นตาเล่าว่า ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ ฆราวาส เมื่่อมรณะภาพ ตายลง ร่างไม่เน่าเปื่อย เนื้อตัวอ่อนนิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องนอกเหนือธรรมชาติ คนรุ่นคุณตาท่านว่า พระภิกษุรูปนั้น ฆราวาสผู้นั้น สำเร็จธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง นายบาแดงได้ยินเรื่องราวหลวงพ่อแปลก มานาน ตั้งแต่มาทำงานที่อำเภอสรรพยา เพิ่งจะมาเสาะหาประวัติของท่านมานำเสนอ วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างน่าใช้บูชา แต่มีปริมาณไม่มาก เป็นของดีราคาถูกที่ไม่ธรรมดา


ต่อจากนี้จะเล่าเรื่องอภินิหารหลวงพ่อแปลก จากข้อมูลสัมภาษณ์ นายขาว เกิดเสม (ณ วันที่ ๑๕ เมษายน พศ.๒๕๕๕ ) นายขาว อดีตศิษย์วัดราษฎร์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กวัดและอยู่มาก่อนที่หลวงพ่อแปลก จะมาจำพรรษาที่วัดราษฎร์ เป็นเรื่องที่นายขาว เกิดเสม ได้ประสบพบเห็นด้วนตนเอง เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่หลวงพ่อแปลกมาพักอยู่ที่วัดราษฎร์ ระยะเวลาสั้นๆ ก่อน พศ.๒๕๑๗ เรื่องที่นายขาว บอกเล่านี้เกิดขึ้นประมาณปี พศ.๒๕๐๖-๒๕๐๙(ยังมีต่อ)

ออฟไลน์ จ่าเจ๋ง ศรีชัยนาท

  • Full Member
  • ***
  • ขอบคุณ
  • -ให้: 427
  • -รับ: 742
  • กระทู้: 807
  • พลังน้ำใจ 774
    • ศรีชัยนาท
รูปหลวงพ่อแปลก ภาพนี้ถ่ายที่วัดราษฎร์ ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ในปี พศ.๒๕๑๗ หลวงพ่อแปลกย้ายจากวัดโพธาราม มาจำพรรษาที่วัดราษฎร์ อำเภอสรรพยา ตั้งแต่หลวงพ่อแปลกเริ่มมีผู้คนรู้จักและเคารพนับถือท่าน ช่วงวันสงกรานต์จะมีทั้งลุกหลานท่านและผู้ที่เคารพนับถือท่านมาสรงน้ำถวายให้ท่าน ผู้ที่ถ่ายรูปนี้คือหลานชายของท่าน ชื่อนายประนอม พินิจจันทร์ เป็นบุตรของนาย เปล่ง พินิจจันทร์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่๓ ของหลวงพ่อแปลก

วัดราษฏร์ เป็นวัดสุดท้ายที่ท่านมาจำพรรษา หลวงพ่อแปลกท่านย้ายมาอยู่ที่นี่ประมาณ ๒ ปี(๒๕๑๗-๒๕๑๙) แล้วมรณะภาพ ที่วัดราษฏ์ ในวันที่ ๑๗ กรฏฏาคม ๒๕๑๙ ด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก สิริรวมอายุได้ ๘๗ ปี หลวงพ่อองค์นี้ท่านไม่ธรรมดา หลวงพ่อแปลกเกิดเมื่อ พศ.๒๔๓๒

ออฟไลน์ SODA 405

  • Sr. Member
  • ****
  • ขอบคุณ
  • -ให้: 1385
  • -รับ: 417
  • กระทู้: 1705
  • พลังน้ำใจ 456
  • ....081 785 8755


      ....ข้อมูลเยี่ยมเลยครับ ขอบคุณที่นำมาเป็นวิทยาทาน!

ออฟไลน์ โก้ จีนสาตร์

  • Hero Member
  • *****
  • ขอบคุณ
  • -ให้: 1353
  • -รับ: 1103
  • กระทู้: 2615
  • พลังน้ำใจ 1145
  • "คุยกันได้ 081-5552409 โก้ ครับ"
    • ร้านพระเครื่อง "โก้ จีนสาตร์"
"ศิษย์เปรียบได้เท่ากับลูก อาจารย์เปรียบได้เท่ากับพ่อแม่ กูอนุญาตให้พวกมึงไปฆ่าศิษย์กูไม่ได้ แต่ถ้าวันใดมันไม่นับถือกูแล้ว หลงลืมกูแล้ว มันต้องตาย
"
นี้คือคำพูดของหลงพ่อกวย

www.sitluangporchua.com



Share me

Digg  Facebook  SlashDot  Delicious  Technorati  Twitter  Google  Yahoo
Smf