www.sitluangporchua.com

ศาสนา => นิทานชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: ~<บอล อุทัย>~ ที่ เมษายน 28, 2013, 01:54:32 am

หัวข้อ: โปรดช้างนาฬาคิรี
เริ่มหัวข้อโดย: ~<บอล อุทัย>~ ที่ เมษายน 28, 2013, 01:54:32 am
โปรดช้างนาฬาคิรี
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง
ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ
ในสมัยที่พระบรมศาสดา เสด็จประทับสำราญพระอิริยาบถอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์
ครั้งนั้น พระเจ้าอชาตศัตรูกำลังเลื่อมใสในพระเทวทัต ผู้เป็นอาจารย์ ที่มาแสดงปาฎิหาริย์ ล่อลวงให้ลุ่มหลง ทำให้ท้าวเธอปลงพระชนมายุ พระเจ้าพิมพิสาร พระชนกนาถ เป็นปิตุฆาตอนันตริยกรรม ซ้ำไม่เลื่อมใสในพระบรมศาสดา ด้วยเชื่อคำพระเทวทัตริษยา แกล้งใส่ไคล้ให้เข้าพระทัยผิด กับมืดมิดด้วยโมหะ ไม่เห็นเหตุ ยอมให้พระเทวทัตหาเลศ ทำลายล้างพระบรมศาสดา
เริ่มตั้งแต่ขอนายขมังธนูมาเป็นครั้งแรก แล้วส่งไป ให้ลอบ:-)พระพุทธเจ้าด้วยลูกธนูอาบยาพิษ แต่นายขมังธนูกลับมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ยอมเข้าเป็นพุทธบุตรด้วยพระพุทธบารมี
ต่อมาเมื่อพระเทวทัต ได้รับพระราชทานช้างจากพระเจ้ากรุงมคธแล้ว ก็รีบมาปลุกปั่นยอยก ให้ลาภยศแก่นายควาญช้าง ให้นายควาญช้างรับธุระมอมเหล้า ช้างนาฬาคิรีให้เมาเพิ่มกำลังบ้าคั่งด้วยซับมันขึ้นอีกแรงหนึ่ง และกำชับให้ปล่อยช้างในเวลาเช้า ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ ตามถนนภายในพระนครราชคฤห์นี้ อันวิสัยสัตว์ไม่รู้จักคนชั่วคนดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะไล่ทิ่มแทงพระจอมไตรโลกาจารย์ ยามเมื่อเสด็จภิกษาจาร พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก ให้ย่อยยับอัปปางลงเป็นพัทธุลี สิ้นชื่อพระชินสีห์ครั้งนี้แล
ครั้นรัตติกาลผ่านมาถึงเวลาอรุณรุ่งเช้า พระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกบริวาร ก็ได้เสด็จพระพุทธดำเนินออกภิกษาจาร ยังพระนครราชคฤห์ ตามมรรคาประเทศถนนหลวงประชาชนชาวเมืองทั้งปวงได้เห็นพระพุทธองค์ และพระสงฆ์สาวก ต่างก็พากันวิตกกันไปต่างๆ เพราะทราบเรื่องการการกระทำของพระเทวทัตอยู่แล้ว
พวกที่มีศรัทธาเลื่อมใสในสัมมาปฏิบัติ ก็มีความโสมนัสยินดีว่า วันนี้จักชมบุญญาธิการอภินิหารของพระบรมไตรโลกนาถ ที่จะทรงทรมานพญากุญชรให้สิ้นพยศ พวกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็คิดในทางร้ายว่า ในวันนี้ เราจักได้เห็นความพินาศวอดวายของพระสมณโคดม
ฝ่ายนายควาญช้างพระที่นั่ง เมื่อได้รับคำสั่งของพระเทวทัตแล้ว ก็พากันจัดแจงหาสุราบานที่แรงกล้ามาเตรียมไว้ ครั้นรุ่งอรุโณทัยทิวาวาร ก็พากันนำออกมากรอกพระยาเศวตคชนาฬาคิรีช้างพระที่นั่ง ซึ่งกำลังคลุ้มคลั่งซับมัน สิ้นน้ำจัณฑ์ ๑๖ กระออม ทำให้พญากุญชร เกิดพยศร้ายแรงเพราะฤทธิ์สุรา ชูงวงยกงา กระทืบเท้าสะเทือนแท่น ส่งเสียงร้องแปร๋แปร๋นอุโฆษก้องโกญจนาน่าสะพึงกลัว
ครั้นรุ่งแสงสุริโยภาสเป็นเวลาทรงบาตรพระบรมสุคต นายควาญช้างก็เปลื้องปลอกปล่อย พญากุญชรนาฬาคีรีก็วิ่งทะยานออกสู่ถนน บรรดาเหล่ามหาชนก็ตะโกนร้องกันต่อๆไป ให้รีบหลบหาความปลอดภัยอันจะพึงมี ทันใดนั้นพญาเศวตหัตถีก็ส่งเสียงกึกก้องโกญจนา วิ่งตรงมายังวิถีทางพระโลกนาถเสด็จพระพุทธดำเนิน
ขณะนั้น พระอานนทเถระพุทธอุปัฏฐาก ครั้นช้างนาฬาคิรีวิ่งเข้ามาใกล้พระผู้มีพระภาคในครั้งนั้น เกรงอันตรายจะพึงมีแก่สมเด็จพระชินสีห์สัมพุทธเจ้า พระเถระเจ้าจึงคิดว่า เมื่อภัยจักบังเกิดขึ้นแก่พระพุทธองค์เช่นนี้ เราควรจะป้องกันมิให้บังเกิดแก่พระพุทธองค์ แม้ชีวิตของเราจะต้องดับลงเพราะฤทธิ์ช้างก็ยอม ครั้นแล้วพระเถระก็พลันวิ่งออกไปสกัดช้างนาฬาคิรี น้อมถวายชีวิตแด่พระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้า โดยยอมให้พญากุญชรทิ่มแทง กระทืบเอาตามประสงค์ แต่ขอให้องค์พระโลกนาถนิราศภัย เห็นประจักษ์แก่ปวงชนทั้งหลายในกาลบัดนี้
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคผู้ทรงมีพระมหากรุณา ตรัสเรียกพระอานนทเถระให้ถอยกลับถึง ๓ ครั้ง แต่พระอานนท์ก็ยังยับยั้งยืนหยัดสะกัดช้างนาฬาคิรีอยู่ พระพุทธองค์เห็นพระอานนท์ยอมตายไม่คิดกลับ จึงทรงทำปาฏิหารย์ ขับช้างนาฬาคิรีคชสาร ซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาประหารพระเถระเจ้า ให้ตกใจกระโพงไปในที่อื่นไม่อาจเข้ามาใกล้ได้ และทรงแผ่เมตตาภินิหารทานดิลก ดังหนึ่งทรงหลั่งสิโนทกให้ตกต้องดวงใจคชสาร ซึ่งกำลังเดือดดาลด้วยฤทธิ์สุราบาน และซับมันให้ความเมาทั้ง ๒ ประการนั้นดับสนิท ตั้งให้จิตประกอบด้วยเมตตา แล้วพระองค์ก็ทรงเมตตา เอื้อนอรรถตรัสเรียกช้างนาฬาคิรีให้เข้าเฝ้า เมื่อพญากุญชรสร่างเมาก็สิ้นพยศยกงวงจบบนกระพองศีรษะ แสดงคารวะในพระพุทธองค์ หมอบเข้าถวายอภิวาทแทบพระยุคลบาทพระบรมศาสดา
จึงสมเด็จพระจอมสงฆ์ได้ทรงยกพระหัตถ์ขวา ลูบกระพองศีรษะคชสารด้วยเมตตา แล้วประทานโอวาทว่า "ดูกร! นาฬาคิรี แต่นี้ไป เจ้าจงสลัดตัดเสียซึ่งปาณาติบาต อย่าได้ประมาทจิตคิดอาฆาตโกรธแค้นใครๆ จงมีเมตตาจิตทั่วไปในคนและสัตว์ จงมีจิตโสมนัสหนักแน่นในเมตตาขันติ เมื่อเจ้าวางวายจากภพนี้แล้วจะได้ไปสู่สุคติสถาน พ้นจากความเป็นสัตว์เดรัจฉานต่ำศักดิ์นี้ เป็นกุศลคุณอันหนักที่เจ้ามาพบเราตถาคต จงอุตสาห์ตั้งใจกำหนดวิรัติปฏิบัติจนตราบเท่าอายุขัยนี้เถิด"
ครั้งนั้น พญาช้างนาฬาคิรีตัวประเสริฐ เกิดตื้นตันใจหลั่งน้ำตาไหลรินอาบหน้า แล้วก้มเศียรเกล้าวันทา รับพระโอวาทถวายบังคมพระยุคลบาทแล้วเดินกลับหลังโรงช้าง ด้วยท่าทางอันสบงเสงี่ยมเป็นอันดี
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทรมานพญาช้างนาฬาคิรีให้สิ้นพยศแล้ว และทรงได้ชัยชนะอันเป็นมงคล ตั้งแต่ต้นแต่พระเทวทัต และพระมหากษัตริย์มคธอชาตศัตรูลงมา จนพญาช้างนาฬาคิรีซับมันกล้าก็สิ้นฤทธิ์ แล้วพระองค์ก็พาพระภิกษุสงฆ์เสด็จกลับไปรับไทยทาน ซึ่งพุทธบริษัทจัดถวายที่พระเวฬุวันมหาวิหาร
ฝ่ายมหาชนที่เห็นเหตุการณ์ก็แซ่ซ้องสาธุการ พากันบูชาพระพุทธองค์ด้วยสักการวรามิส เฉลิมฉลองพระเกียรติที่ทรงพิชิตช้างนาฬาคิรีให้พ่ายแพ้ ด้วยธรรมาวุธ เป็นความชนะที่ประเสริฐสุด

ที่มาจาก:-
http://www.dharma-gateway.com/buddha...-main-page.htm
หัวข้อ: Re: โปรดช้างนาฬาคิรี
เริ่มหัวข้อโดย: โก้ จีนสาตร์ ที่ พฤษภาคม 06, 2013, 09:45:03 pm
 :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-*
เยี่ยม