มาฟังกันต่อ..
เมื่อหลวงพ่อสำเภาตัดสินใจที่จะมาจำวัดอยู่ ณ เมืองชัยนาทแล้ว ขณะนั้นแถวอาณาบริเวณวัดยังเป็นป่ารกอยู่มาก หลวงพ่อสำเภาท่านได้ขอแรงญาติโยมช่วยกันแผ้วถางป่า และซ่อมแซมศาสนสถานที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา (ญาติโยมจำนวนหนึ่งได้ติดตามหลวงพ่อมาจากลพบุรีเพื่อมาตั้งรกรากหลายท่านเหมือนกัน) หลวงพ่อเมื่อมาอยู่แล้วก็ตั้งใจพัฒนาวัดขึ้นตามกำลังไปทีละเล็กละน้อย เวลาว่างก็ได้ไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติมกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (จะเห็นได้จากรูปที่ทั้งสองท่านยืนเคียงคู่กันในงานฌาปณกิจศพ หลวงพ่อคง วัดบางกะพี้ ประมาณปี พ.ศ 2456) ...จากวัดที่ใกล้ทรุดโทรมก็กลายเป็นวัดเจริญขึ้นมาอย่างมากในยุคของหลวงพ่อ ทั้ง ศาลาการเปรียญหลังใหญ่,หอระฆัง,โบสถ์ จนถึงกับมีการสร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาในนามว่า "โรงเรียน สำเภาผดุงวิทย์" มีเด็กมาเรียนหลายร้อยคนถือว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดขีดก็ว่าได้ (ปัจจุบันโรงเรียนถูกยุบไปแล้ว) บ้านเรือนริมฝั่งน้ำก็มากขึ้น เพราะผู้คนมาร่วมทำบุญกับหลวงพ่อมากมายในยุคนั้น ว่ากันว่า ท่านมีวิชารักษาคนบ้า คนวิกลจริต ให้หายเป็นปกติเลยเชียวนา ในลานวัดยุคนั้นจะมีแต่ชาวบ้าน พาญาติพี่น้อง ที่เป็นบ้า เสียสติ เพราะเหตุใดก็แล้วแต่ มาเต็มลานวัดเพื่อขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาให้ และทุกรายก็ไม่ผิดหวังเลย กับเป็นคนปกติในสามวันเท่านั้น ยิ่งทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อดังออกไปอีก ผู้คนแห่แหนมาทั่วสารทิศ เพื่อมาขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยเหลือในทุกๆเรื่อง..เห็นมั้ยละว่า หลวงพ่อท่านเก่งแค่ไหน
เมื่อท่านเป็นพระที่ดี ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากทุกคน ทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธา และได้ขอ สมณศักดิ์ให้ท่านที่ "พระครูพิศาลชโยดม" อันเป็นสมณศักดิ์สูงสุด ของท่านสร้างความปราบปลื้มใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก...แต่สุดท้ายแล้วของชีวิตไม่ว่าผู้ใดก็ตามต่างก็ต้องมีปลายทางสุดท้ายของชีวิตเหมือนกันทั้งนั้น หลวงพ่อ ได้ มรณะภาพลง ในปี พ.ศ 2508 สิริอายุรวม 88 ปีพอดี ยังความเศร้าโสกเสียใจมายังผู้ที่รักและศรัทธาหลวงพ่ออย่างมากมายในยุคนั้น